Blog Post

15 ที่เที่ยวเยอรมนี เน้นวิวสวยสุดอลัง เหมาะกับสายถ่ายรูป
Advertorial

15 ที่เที่ยวเยอรมนี เน้นวิวสวยสุดอลัง เหมาะกับสายถ่ายรูป 

หากพูดถึงประเทศในแถบยุโรป เยอรมนีมักจะติด 1 ใน 10 ประเทศที่นักท่องเที่ยวนิยมมากที่สุดในโลกเสมอ นอกจากจะเป็นประเทศมีประวัติศาสตร์เก่าแก่และสถาปัตยกรรมทรงคุณค่า จนได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกมากถึง 51 รายการ โดยมีสัดส่วนของแหล่งมรดกโลกทางวัฒนธรรมมากถึง 48 รายการ เยอรมนียังเป็นประเทศที่ขึ้นชื่อว่าปลอดภัยสำหรับการท่องเที่ยวมากที่สุดในโลกอีกด้วย

15 ที่เที่ยวเยอรมนี เน้นวิวสวยสุดอลัง เหมาะกับสายถ่ายรูป

การเดินทางไปเที่ยวเยอรมนี

ด้วยความนิยมของนักท่องเที่ยวเยอรมนีจึงมีเที่ยวบินไปลงในแต่ละวันมากมาย หากบินตรงจากไทยจะใช้เวลา 11 ชั่วโมง 35 นาที โดยประมาณ Traveloka มีเที่ยวบินจากกรุงเทพฯ มากกว่า 20+ เที่ยวบิน ทั้งแบบบินตรงและแบบต่อเครื่อง/เปลี่ยนเครื่อง ไปลงสนามบินสำคัญอย่างสนามบินนานาชาติแฟรงค์เฟิร์ต สนามบินนานาชาติมิวนิก และสนามบินเบอร์ลิน เทเกล ซึ่งสามารถเดินทางเข้าเมืองได้ง่ายโดยรถไฟท้องถิ่น รถไฟระหว่างเมือง รถไฟความเร็วสูง S-BAHN รถโดยสารประจำทาง หรือแท็กซี่ ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับการวางแผนเที่ยวเยอรมนี และงบสำหรับเดินทาง

  • เช็กเที่ยวบินและราคาตั๋วเครื่องบินไปเยอรมนีกับ Traveloka
  • เช็คมาตรการสนามบิน กับ Traveloka

ช่วงเวลาที่เหมาะสำหรับเที่ยวเยอรมนีมากที่สุดคือระหว่างเดือนมีนาคม-พฤษภาคม ซึ่งจะเป็นช่วงที่เข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ อากาศเริ่มอบอุ่นขึ้น ท้องฟ้าโปร่ง เหมาะกับการเดินเล่น ถ่ายรูปสวย และมีเวลาเที่ยวได้ยาวนานกว่า ส่วนช่วงเดือนมิถุนายน-สิงหาคม จะเริ่มมีอุณหภูมิที่สูงมากขึ้น แต่ก็เป็นช่วงเดือนที่มักมีการจัดงานเทศกาลต่างๆ ด้วย

สำหรับใครอยากเที่ยวเยอรมนีแบบเห็นใบไม้เปลี่ยนสีต้องมาช่วงเดือนกันยายน-ตุลาคม ที่เริ่มเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วง ช่วงนี้อากาศจะเริ่มเย็นลงแต่ยังไม่หนาวจัด และมักจะเป็นช่วงที่ราคาตั๋วเครื่องบินไปเยอรมนีไม่แพงมาก

1. อาสนวิหารโคโลญ (Cologne Cathedral)

อาสนวิหารโคโลญ

อาสนวิหารโคโลญ (เยอรมัน: Kölner Dom) เป็นศาสนสถานในคริสต์ศาสนานิกายโรมันคาทอลิก และเป็นวิหารประจำตำแหน่งอาร์คบิชอปแห่งโคโลญ แรกเริ่มสร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้แก่นักบุญซีโมนเปโตรและพระนางมารีย์พรหมจารี และเพื่อเป็นสถานที่เก็บหีบสักการะสามกษัตริย์ ที่เชื่อกันว่าเป็นที่บรรจุกระดูกของ “สามกษัตริย์” แห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ตามในพระคัมภีร์ไบเบิล อาสนวิหารแห่งนี้เริ่มสร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1248 แต่มีการหยุดพักการก่อสร้างไปเป็นช่วงๆ ทำให้ใช้เวลากว่า 600 ปี จึงเสร็จสมบูรณ์ในปี ค.ศ. 1880 ปัจจุบันถูกจัดเป็นวิหารที่สูงที่สุดในโลกเป็นอันดับ 4 มีลักษณะทางสถาปัตยกรรมแบบโกธิก มีหอคอยแฝดสูง 157.38 เมตร และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโกในปี ค.ศ. 1993

2. พระราชวังเรสซิเดนซ์ มิวนิก (Munich Residenz)

พระราชวังเรสซิเดนซ์ มิวนิก

พระราชวังเรสซิเดนซ์ มิวนิก (เยอรมัน: Münchner Residenz) หนึ่งในสถานที่สำคัญของเมืองมิวนิกที่ควรมาเยือน พระราชวังแห่งนี้มีขนาดใหญ่มากและตั้งอยู่ใจกลางเมือง ถือได้ว่าเป็นพระราชวังที่มีขนาดใหญ่ที่สุดและมีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่ง สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1385 และได้รับการต่อเติมเรื่อยมาอีกหลายรัชการ เคยเป็นที่ประทับของกษัตริย์แห่งราชอาณาจักรบาวาเรียมาตลอดหลายร้อยปี ปัจจุบันเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าเยี่ยมชมได้ โดยมีห้องจัดแสดงถึง 130 ห้อง มีอาคารหลัก 3 แห่งคือ เคอนิกส์เบา (Königsbau) อัลเทอเรซิเดนซ์ (Alte Residenz) และเฟสท์ซาลเบา (Festsaalbau) ภายในมีการจัดแสดงของสะสมต่างๆ ของอดีตกษัตริย์บาวาเรีย รวมถึงความอลังการในการประดับตกแต่งภายใน มีไฮไลท์เป็น Antiquarium Hall of Antiquities ห้องโถงสไตล์เรอเนสซองส์ เชื่อว่าถ้าได้ไปเห็นด้วยตาตัวเองไม่ผิดหวังแน่นอน

3. อาสนวิหารเบอร์ลิน (Berlin Cathedral)

อาสนวิหารเบอร์ลิน

อาสนวิหารเบอร์ลิน (เยอรมัน: Berliner Dom) มีประวัติความเป็นมาที่ยาวนานมาก แรกเริ่มอาสนวิหารแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นศาสนสถานของคริสต์ศาสนานิกายโรมันคาทอลิก ตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 15 และได้มีการปรับเปลี่ยนมาเป็นนิกายโปรเตสแตนท์ในภายหลังจนถึงปัจจุบัน อาสนวิหารเบอร์ลินถูกสร้างขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ มีการตกแต่งภายในที่วิจิตรและประณีตในสไตล์บาโรกและเรเนสซองส์ ประดับด้วยงานโมเสกนับแสนๆ ชิ้น มีอายุยาวนานมากกว่า 500 ปี โดดเด่นด้วยความอลังการจนสามารถมองเห็นได้แต่ไกล มีเบอร์ลินโดมสีฟ้าอมเขียวขนาดใหญ่ตั้งอยู่ใจกลางอาคาร ที่นี่เคยโดนระเบิดในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่ได้รับการบูรณะใหม่โดยคงของเดิมไว้ภายหลังสงคราม

4. กำแพงเบอร์ลิน (Berlin Wall)

กำแพงเบอร์ลิน

กำแพงเบอร์ลิน (เยอรมัน: Berliner Mauer) หนึ่งในอนุสรณ์สถานที่เตือนให้เห็นถึงความโหดร้ายของสงคราม และถือเป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ของเยอรมนี กำแพงเบอร์ลินถูกสร้างขึ้นในสมัยสงครามเย็น ในปี ค.ศ. 1961 เพื่อปิดกั้นพรมแดนระหว่างเยอรมนีตะวันตกกับเยอรมนีตะวันออก เป็นระยะเวลานานถึง 28 ปี มีความยาวทั้งหมด 155 กิโลเมตร และถูกทลายลงในปี ค.ศ. 1989 แต่ยังคงรักษาบางส่วนไว้เพื่อเป็นอนุสรณ์ กำแพงบางส่วนถูกนำไปจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์หลายแห่ง นักท่องเที่ยวนิยมเดินชมกำแพงที่เหลืออยู่ซึ่งถูกตกแต่งด้วยสีสันของกราฟฟิตี้ในปัจจุบัน

5. ปราสาทไฮเดิลแบร์ค (Heidelberg Castle)

ปราสาทไฮเดิลแบร์ค

ปราสาทไฮเดิลแบร์ค (เยอรมัน: Heidelberger Schloss) หนึ่งในสิ่งก่อสร้างจากยุคเรเนสซองส์ที่สำคัญและไม่ควรพลาดหากมีโอกาสได้มาเที่ยวเยอรมนี ปราสาทไฮเดิลแบร์คมีขนาดใหญ่มากจนสามารถมองเห็นได้แต่ไกล ตั้งอยู่บนเชิงเขา ด้านหน้าปราสาทมีแม่น้ำเนคคาร์ไหลผ่าน ไม่ปรากฏหลักฐานว่าสร้างขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่มีหลักฐานปรากฏว่าปราสาทแห่งนี้ถูกพูดถึงเป็นครั้งแรกในปี ค.ศ. 1214 ด้วยตำแหน่งที่ตั้งซึ่งจัดเป็นจุดยุทธศาสตร์ชั้นดี ปราสาทหลังนี้จึงถูกใช้เป็นป้อมปราการในการป้องกันข้าศึกเรื่อยมา และได้รับความเสียหายจากการสู้รบอยู่บ่อยครั้งโดยเฉพาะในช่วงศตวรรษที่ 17 แม้จะมีการซ่อมแซมหลายครั้งแต่ก็ต้องชะงักด้วยภาวะสงคราม ภายหลังเมื่อมีการสร้างวังแห่งใหม่ ปราสาทไฮเดิลแบร์คก็ได้ถูกทิ้งร้างไป จนกระทั่งในปี ค.ศ. 1868 รัฐบาลเยอรมันได้ทำการบูรณะปราสาทหลังนี้จนแล้วเสร็จในปี ค.ศ. 1900 ด้วยขนาดของตัวปราสาททำให้สามารถบูรณะได้เพียงบางส่วนเท่านั้น โดยส่วนใหญ่ของปราสาทยังคงเป็นซากปรักหักพัง

6. อาสนวิหารอาเคิน (Aachen Cathedral)

อาสนวิหารอาเคิน

อาสนวิหารอาเคิน (เยอรมัน: Aachener Dom) ถือเป็นอาสนวิหารหลวง (Imperial Cathedral) ในคริสต์ศาสนานิกายโรมันคาทอลิก เป็นวัดที่เก่าแก่ที่สุดทางภาคเหนือของยุโรป เริ่มสร้างเมื่อปี ค.ศ. 792 โดยพระเจ้าชาร์เลอมาญ วัดนี้มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์มาตั้งแต่ยุคกลาง เพราะเคยใช้เป็นสถานที่สวมมงกุฎกษัตริย์ราชวงค์คาโรลิงเกียน (Carolingian) รวม 30 พระองค์ และพระราชินีอีก 12 พระองค์ ในระหว่างปี ค.ศ. 936-1531 หรือเกือบ 600 ปี และยังถูกใช้เป็นที่ฝังพระบรมศพพระเจ้าชาร์เลอมาญ ไฮไลท์ของที่นี่คือกางเขนโลแธร์ (Cross of Lothair) บัลลังก์พระเจ้าชาร์เลอมาญ และโลงหินเพอซิโฟนี (Persephone sarcophagus) ซึ่งถือว่าเป็นศาสนสมบัติที่มีค่ามากที่สุดชิ้นหนึ่งของคริสต์ศาสนา

7. มารีเอินพลัทซ์ (Marienplatz)

มารีเอินพลัทซ์

มารีเอินพลัทซ์ (เยอรมัน: Marienplatz) คือจัตุรัสประจำเมืองมิวนิก ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1158 และยังเป็นที่ตั้งของมารีเอินซอยเลอ (Mariensäule) เสารูปปั้นพระแม่มารีสีทอง ตั้งตระหง่านอยู่ที่จัตุรัสแห่งนี้มาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1638 นอกจากนี้ยังมีหอคอยกลาเคินชปีล (Glockenspiel) ที่สวยและมีชื่อเสียงระดับโลก ในปัจจุบันด้านเหนือของจัตุรัสเป็นที่ตั้งของศาลาว่าการเมืองหลังเก่า ส่วนด้านตะวันออกเป็นที่ตั้งของศาลาว่าการเมืองหลังใหม่ ในทุกปี ประมาณ 3 สัปดาห์ก่อนวันคริสต์มาสจะมีการจัดงานออกร้านจำหน่ายสินค้าที่เกี่ยวกับเทศกาลคริสต์มาส รวมทั้งอาหารและเครื่องดื่มต่างๆ มากมาย เหมาะสำหรับการเดินเล่นชมบรรยากาศแบบห้ามพลาด

8. ปราสาทน็อยชวานชไตน์ (Neuschwanstein Castle)

ปราสาทน็อยชวานชไตน์

หนึ่งในปราสาทที่มีอยู่ทั่วยุโรป น็อยชวานชไตน์ (เยอรมัน: Schloss Neuschwanstein) เป็นหนึ่งในปราสาทที่หลายคนรู้จักแม้จะยังไม่เคยมาเยือน ปราสาทแห่งนี้ตั้งอยู่ในเทือกเขาแอลป์ สร้างขึ้นในช่วงปี ค.ศ. 1845–1886 ในรัชสมัยพระเจ้าลูทวิชที่ 2 แห่งบาวาเรีย กล่าวกันว่าที่นี่คือต้นแบบของปราสาทเจ้าหญิงนิทราที่ดิสนีย์แลนด์ ภายในปราสาทเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมได้ทั้งหมด 14 ห้อง โดยมีไฮไลท์เป็นห้องบรรทมของพระเจ้าลูทวิช ที่สร้างขึ้นในสไตล์ศิลปะโกธิก ตกแต่งด้วยงานแกะสลักไม้ที่วิจิตรบรรจงและมากด้วยรายละเอียด อีกห้องคือ Throne Hall หรือท้องพระโรง เป็นห้องสำหรับการรับรองแขกและให้ขุนนางเข้าเฝ้า ใช้การตกแต่งในรูปแบบศิลปะไบแซนไทน์ น็อยชวานชไตน์เป็นปราสาทในยุโรปที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นปราสาทที่งดงามมากที่สุดในโลก ในแต่ละวันมีนักท่องเที่ยวเดินทางไปเยี่ยมชมสูงสุดถึงวันละ 6,000 คน

9. พระราชวังซวิงเงอร์ (Zwinger Palace)

พระราชวังซวิงเงอร์

พระราชวังซวิงเงอร์ (เยอรมัน: Zwinger) มีรูปแบบสถาปัตยกรรมสไตล์บาโรก จากพระราชประสงค์ของพระเจ้าออกัสตัสที่ 2 แห่งโปแลนด์ ที่ทรงต้องการสร้างพระราชวังแบบเดียวกับพระราชวังแวร์ซายของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 การก่อสร้างเริ่มขึ้นในปี ค.ศ. 1710 แล้วเสร็จในปี ค.ศ. 1728 แต่ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ โดยขาดองค์ประกอบบางอย่าง อาทิ ปีกนิทรรศการ ปีกหอสมุด เนื่องจากขาดแคลนทุนทรัพย์และเกิดการสวรรคตของพระเจ้าออกัสตัส ในปี ค.ศ. 1733 ทำให้การก่อสร้างหยุดลง ซวิงเงอร์เสียหายหนักจากการถูกทิ้งระเบิดในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ในช่วงปี ค.ศ. 1945 โชคดีที่งานจิตรกรรมและงานเขียนจำนวนมากถูกนำออกไปเก็บรักษาก่อนแล้ว หลังจากสงครามโลกจบลงพระราชวังแห่งนี้ก็ได้รับการซ่อมแซมอีกครั้ง โดยเน้นการบูรณะให้เหมือนครั้งเก่าก่อนทั้งหมดตามต้นฉบับ จนแล้วเสร็จในปี ค.ศ. 1963

10. เมืองไลพ์ซิก (Leipzig)

เมืองไลพ์ซิก

เมืองไลพ์ซิก (เยอรมัน: Leipzig) ได้ชื่อว่าเป็นเมืองแห่งดนตรีและเสียงเพลง โดยมีทั้งนักประพันธ์และวาทยกรจากไลพ์ซิกที่เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก อาทิ โยฮันน์ เซบาสเทียน บาค, ริชาร์ด วากเนอร์, และโรเบิร์ต ชูมานน์ เมืองไลพ์ซิกเก่าแก่และมีอายุมากกว่าพันปี ปรากฏหลักฐานทางประวัติศาสตร์กล่าวถึงเมืองไลพ์ซิกตั้งแต่ปี ค.ศ. 1015 จากจดหมายเหตุของมุขนายกธีทมาร์ แห่งเมอร์เซบูร์ก นอกจากนี้ไลพ์ซิกยังมีชื่อเสียงในฐานะศูนย์กลางทางการค้าของรัฐซัคเซิน โดยมีงานแสดงสินค้าไลพ์ซิกที่เป็นงานที่เก่าแก่ที่สุดซึ่งยังคงดำเนินการมาจนถึงปัจจุบัน โดยเริ่มจัดมาตั้งแต่ยุคกลาง ปัจจุบันงานแสดงสินค้าไลพ์ซิกยังคงเป็นงานแสดงสินค้าระดับโลก

11. เกาะรือเกิน (Rugen)

เกาะรือเกิน

เกาะรือเกิน (เยอรมัน: Rügen) เป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดของเยอรมัน ตั้งอยู่ในทะเลบอลติก โดยมีสะพานรือเกินและเส้นทางริมน้ำเชื่อมต่อระหว่างแผ่นดินใหญ่ ทำให้สามารถเดินทางไปมาได้โดยสะดวก ที่สำคัญคือเกาะรือเกินยังเป็นที่ตั้งของอุทยานแห่งชาติยัสมุนท์ (Jasmund National Park) ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก มีจุดไฮไลท์ที่หน้าผาชอล์กสีขาวที่มีความสูงเหนือระดับน้ำทะเลมากถึง 161 เมตร นอกจากนี้นักท่องเที่ยวยังสามารถไปเยี่ยมชมประภาคารและหมู่บ้านเก่าแก่ทางเหนือสุดของปลายเกาะได้ อีกเสน่ห์ของเกาะรือเกินที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เดินทางมาเยือนที่นี่ก็คือรีสอร์ทติดทะเลในบรรยากาศโรแมนติก และหาดทรายที่สะอาด สวยงาม น้ำทะเลใส มีเหล่านกนางนวลบินอยู่ไม่ไกล เป็นสถานที่ที่เหมาะกับการมาเที่ยวพักผ่อนตากอากาศที่สุด

12. หุบเขาไรน์ (Rhine Gorge)

หุบเขาไรน์

หุบเขาไรน์ (Rhine Gorge) หรือเรียกอีกอย่างว่า “ไรน์ฟยอร์ด” แต่นักท่องเที่ยวมักรู้จักกันในนามหุบเขาโรแมนติก เป็นหุบเขาที่มีแม่น้ำไรน์ไหลผ่าน เส้นทางทอดยาวระหว่างเมือง Bingen และเมือง Bonn โดดเด่นด้วยภูมิทัศน์ที่ถูกล้อมรอบด้วยธรรมชาติ และปราสาทยุคกลางกว่า 40 หลัง หมู่บ้านอันเงียบสงบ รวมถึงไร่องุ่น และอากาศที่บริสุทธิ์ ที่นี่จึงเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวตามธรรมชาติในเยอรมนีที่มีชื่อเสียงมากแห่งหนึ่ง ไฮไลท์ของการท่องเที่ยวที่นี่คือการล่องเรือไปตามแม่น้ำเพื่อสัมผัสบรรยากาศและความโรแมนติก ไรน์เป็นแม่น้ำที่ยาวที่สุดในเยอรมนี เป็นเส้นทางการค้าของยุโรปมาตั้งแต่สมัยโรมัน ทั้งยังมีความพิเศษโดยมีต้นกำเนิดมาจากเทือกเขาแอลป์ของสวิตเซอร์แลนด์ ไหลผ่านทั้งประเทศออสเตรีย ฝรั่งเศส ลิกเตนสไตน์ เยอรมนี จนไปออกทะเลเหนือที่ประเทศเนเธอร์แลนด์

13. เมืองเดรสเดน (Dresden)

เมืองเดรสเดน

เมืองเดรสเดน (เยอรมัน: Dresden) ได้รับฉายานามว่าเป็นกล่องอัญมณีแห่งเยอรมัน ด้วยความรุ่มรวยของสถาปัตยกรรม รุ่งเรืองไปด้วยวัฒนธรรมและศิลปะมาตลอดหลายศตวรรษ อาคารบริเวณใจกลางเมืองมีสถาปัตยกรรมบาโรกและโรโกโก (Rococo) ที่วิจิตร เดรสเดินเคยได้รับความเสียหายหนักจากการทิ้งระเบิดในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ภายหลังได้มีการบูรณะโบราณสถานต่างๆ ในเมือง ซึ่งใช้เวลาหลายสิบปีเพื่อฟื้นฟูให้เดรสเดนกลับมารุ่งโรจน์อีกครั้ง จนกลายเป็นเมืองท่องเที่ยวสำคัญในปัจจุบัน นอกจากนี้เดรสเดนยังมีความสำคัญทางประวัตศาสตร์ด้วยเคยเป็นเมืองหลวงและที่ประทับของเจ้าแคว้นและกษัตริย์แห่งซัคเซิน มีจุดเด่นคือโบสถ์แม่พระเดรสเดิน หรือวิหารเฟราเอนเคียร์ชเชอ

14. เมืองลือเบ็ค (Lubeck)

เมืองลือเบ็ค

ลือเบ็ค (เยอรมัน: Lübeck) ตั้งอยู่บนฝั่งแม่น้ำทราเวอ เป็นเมืองท่าที่ใหญ่ที่สุดของเยอรมนีบนฝั่งทะเลบอลติก ในอดีตลือเบ็คเคยเป็นเมืองหลวงของกลุ่มฮันเซียติค (Hanseatic) ก่อตั้งขึ้นในศตวรรษที่ 12 และเจริญรุ่งเรืองจนถึงศตวรรษที่ 16 โดยเป็นศูนย์กลางทางการค้าที่สำคัญของยุโรปเหนือ และยังคงเป็นศูนย์กลางการค้าทางทะเลมาจนถึงปัจจุบัน แม้จะถูกทำลายลงไปมากจากการทิ้งระเบิดในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่โครงสร้างพื้นฐานของเมืองเก่าที่ประกอบไปด้วยมหาวิหารที่สร้างมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 12 อาคารบ้านเรือนในสมัยศตวรรษที่ 15 และ 16 รวมถึงประตูเมือง Holstentor ที่ยังคงหลงเหลืออยู่ ลือเบ็คได้รับการฟื้นฟูจนกลายเป็นเมืองที่นักท่องเที่ยวนิยมเป็นอันดับต้นๆ ปัจจุบันลือเบ็คเป็นเมืองที่มีบรรยากาศเงียบสงบ มีสถาปัตยกรรมในยุคกลางให้ชมมากมาย และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมโดยองค์การยูเนสโกในปี ค.ศ. 1987

15. พระราชวังนึมเฟินบวร์ค (Nymphenburg Palace)

พระราชวังนึมเฟินบวร์ค

พระราชวังนึมเฟินบวร์ค (เยอรมัน: Schloss Nymphenburg) เป็นพระราชวังฤดูร้อนของเจ้าผู้ครองรัฐบาวาเรียในอดีต ก่อสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1664 โดยเฟอร์ดินานด์ มาเรียแห่งบาวาเรีย และเจ้าหญิงเฮนเรียตตา อเดลเลดแห่งซาวอย หลังจากการประสูติของพระโอรสองค์แรก ออกแบบโดยสถาปนิกอากอสติโน บาเรลลิ พระราชวังนึมเฟินบวร์คมีรูปแบบศิลปะสไตล์บาโรก และเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์กของเยอรมนีที่ควรหาโอกาสไปชมสักครั้ง ปัจจุบันภายในเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ให้นักท่องเที่ยวได้เข้าชม โดยจัดแสดงภาพวาด งานศิลปะ เฟอร์นิเจอร์ ของตกแต่ง และสวนขนาดใหญ่พร้อมฝูงหงส์ให้ได้ถ่ายรูปสวยๆ กัน

นอกจาก 15 ที่เที่ยวเยอรมนีซึ่งถือเป็นไฮไลต์ต้องไปสักครั้งแล้ว แน่นอนว่าประเทศเยอรมันยังมีสถานที่สวยงาม เก่าแก่ และมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ให้ได้ชมอีกมาก จนได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกมากถึง 51 แห่ง ที่สำคัญคือเยอรมนีถูกจัดให้เป็นประเทศที่มีความปลอดภัยสำหรับนักท่องเที่ยวมากที่สุดประเทศหนึ่ง ทริปหน้าอาจให้เยอรมนีเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่คุณกำลังวางแผนในใจ แต่จะทริปไหนก็ต้องเริ่มต้นด้วยการจองตั๋วเครื่องบินที่ลงตัวทั้งเวลาบินและราคาที่เหมาะสม อย่าลืมวางแผนการจองตั๋วเครื่องบินเที่ยวเยอรมนีล่วงหน้าด้วย Flight Price Alerts ของ Traveloka ที่จะทำให้คุณทราบทุกการเคลื่อนไหวเพื่อให้ได้ราคาตรงใจที่สุด

ใครอยากไปเที่ยวตามสถานที่ที่ได้แนะนำไว้ลองเเช็คราคาและจองตั๋วเครื่องบินไปเยอรมนีกับ Traveloka ได้เลยนะครับ

Previous

15 ที่เที่ยวเยอรมนี เน้นวิวสวยสุดอลัง เหมาะกับสายถ่ายรูป

Related posts